วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันหนึ่งที่อ่างขาง : Angkhang

กลางเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เดือนที่ปีนี้ฝนค่อนข้างจะมาเร็วกว่าปรกติ แต่มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ตัวน้อยๆอย่างพวกเราคงจะเอื้อมมือไปจัดการไม่ได้ และมันก็อาจจะเป็นผลที่เกิดเนื่องจากมือน้อยของพวกเราได้ทำอะไรหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างไป โดยไม่ได้คิด หรืออาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์..........ฉันคงไม่ได้ขึ้นมายืนรับกรรมของฉันและคนอื่นๆอยู่อย่างเดียวบนดอยอ่างขางเพียงเท่านั้น แต่ที่ฉันดั่นด้นขึ้นมาเป็นดอยแห่งนี้ก็เพราะฉันต้องการจะเจอกับเพื่อนใหม่ของฉัน ตัวเค้าอาจจะไม่ใหญ่ พวกเค้ามีภาษาพูดที่ใช้สื่อสารกันซึ่งฉันแอบหลงคิดไปเองว่าฉันพอเข้าใจพวกเค้าได้บ้าง(แต่ถูกรึเปล่าฉันไม่รู้.....) เพราะฉันได้แค่ทำเสียงล้อเลียนภาษาพูดของพวกเค้าได้เท่านั้น แต่ความหมายลึกๆที่พวกเค้าสื่อสารกันฉันคงต้องเดาต่อไป พวกเค้าจะมารวมตัวกันในที่ที่มนุษย์อย่างพวกเราได้จัดเตรียมไว้ให้ พวกเค้าจะมาเกือบตรงเวลาทุกวัน แต่ก็ไม่ได้มาทุกวันแต่่จะตรงเวลาหากพวกเค้าจะมา ยกเว้นบางพวกที่บ้านอยู่ใกล้ๆเค้าก็จะมากันเป็นประจำ

พวกเพื่อนๆใหม่ของฉันกลุ่มนี้ขี้อายมากๆ ฉันไม่อาจที่จะเปิดเผยตำแหน่งที่ฉันยืนอยู่ได้ ฉันต้องหลบอยู่ในเต็นท์บางๆ มีรูอยู่หลายรูเพื่อใช้ทำความรู้จักกับพวกเค้า หากฉันยื่นหน้ายื่นตาออกไป พวกเค้าอาจไม่อยากรู้จัก และคงจะหนีฉันไปในที่สุด........การจะได้สานสัมพันธ์กับเพื่อนขอฉันกลุ่มนี้ต้องมีอุปกรณ์ แต่ก็เพืยงไม่กี่อย่างที่ทำความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพวกเค้าดำเนินต่อไปได้ อุปกรณ์ที่ฉันใช้ก็คือกล้อง เลนส์ และเต็นท์บางๆที่ฉันได้เล่าให้ฟังไปแล้ว แล้ว ณ จุดที่ฉันและพวกเค้าได้มาเจอกันก็ไม่ได้วิเศษ สวยงาม เหมือนอย่างโรงแรมดังๆในเมือง มันเป็นเพียงสวนเล็กที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่มากมาย มีอ่างน้ำเล็กๆใส่น้ำไว้ตอนรับพวกเพื่อนๆของฉันเท่านั้น ระหว่างยืนรอพวกเค้าจิตใจเค้าฉันมันเต้นรัว สมองเฝ้าจินตนาการถึงเพื่อนใหม่ของฉัน ว่าหน้าตา กริยาท่าทาง ของพวกเค้าจะเป็นอย่างไร......และแล้วก็ได้เวลานัด

เพื่อนของฉันกลุ่มแรกก็มาถึง...




นกศิวะปีกสีฟ้า (Blue-winged Minla)


เค้ามากัน 2 ตัว คู่ผู้-เมีย น่ารักมากๆ ไม่พูดไม่จา ตั้งหน้าตั้งตาเล่นน้ำ อาบน้ำ อย่างเดียว ชื่อของพวกเค้าอาจจะไม่คุ้นหูคนเมืองกรุงอย่างฉันนัก แต่ไม่ได้มีเค้าพวกเดียวที่ชื่อศิวะ ที่ดอยอินทนนท์ยังมีพวกเพื่อนๆเค้า เช่น นกศิวะหางตาล ที่บ้านของพวกเค้าจะอยู่ที่นั่น ถ้าคุณมีโอกาสขึ้นไปเที่ยวดอยอินทนนท์ ลองไปที่ร้านกาแฟใกล้หอเรดาร์ของทหารอากาศคุณก็จะได้เห็นพวกเค้ากระโดดไปกระโดดมาอยู่แถวๆร้านกาแฟนั่นล่ะ




นกศิวะปีกสีฟ้า (Blue-winged Minla)

เค้ามาถึึงแป๊ปเดียว เนื้อตัวก็เปียกซะแล้ว แต่ยังไงเจ้าเพื่อนใหม่ของฉันก็ยังดูน่ารัก น่าชังอยู่ไม่น้อย ถ้าถามถึงขนาดตัวของพวกเค้าน่ะเหรอ ก็คงจะประมาณเกือบจะเท่าลูกเทนนิสได้กะมัง และแล้วเจ้าเพื่อนใหม่ของผมตัวต่อไปก็มาถึง...



นกแว่นตาขาวสีทอง (Oriental White-eyes)

เจ้าตัวนี้มีขนาดเล็กมากๆ เล็กกว่าเจ้าศิวะปีกสีฟ้าอีก แถมว่องไว ไม่มีหยุดนิ่ง กระโดดไปกระโดดมา เกาะกิ่งนู้นที เกาะกิ่งนี้ครั้ง เจ้านี่กล้าหาญชาญชัยมาก วันนั้นผมจำได้ว่าเค้ามาตัวเดียวโดด อาบน้ำ ไซ้ขนอยู่เป็นนาน บางครั้งเค้าก็หยุดนิ่งๆเพื่อหาต้นตอของเสียว แชะ แชะ แชะ...เอ่...มันเสียงอะไรว่า ไม่ต้องสงสัยเลย เสียงชัตเตอร์ของฉันนั่นเอง ฉันรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ด้วยความที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก ฉันก็กลัวว่าจะไม่ได้พบกับเจ้าแว่นตาขาวสีทองอีก ฉันก็เลยรัวชัตเตอร์เป็นการใหญ่ จนลืมนึกไปถึงว่ามันทำให้เธอรำคาญใจ...ขอโทษนะเพื่อนตัวน้อยของฉัน...


นกแว่นตาขาวสีทอง (Oriental White-eyes)

อย่างที่ฉันเล่าให้ฟ้ง เค้าแวะมาเที่ยวอยู่นาน ทำความสะอาดตัวเอง ในขณะเดียวกันเค้าก็คอยระวังภัยให้ตัวเองไปด้วย ชีวิตในธรรมชาติก็ต้องเป็นอย่างนี้ล่ะ ไม่ได้สะดวกสบายแบบมนุษย์ที่จะคอยจ้างยามมาคอยตรวจตราระวังภัยให้ ในป่า...ตัวใครตัวมัน (รักษาตัวรอดเป็นยอดดี) 


นกแว่นตาขาวสีทอง (Oriental White-eyes)

ฉันว่าวันนี้ฉันใช้เวลาได้คุ้มค่า ฉันเดินทางมา เพื่อนใหม่ฉันก็เดินทางมา เรามาเจอกันที่จุดๆหนึ่งบนโลกใบนี้ ฉันตัวใหญ่ เค้าตัวเล็ก แต่ขนาดของตัวก็ไม่ได้เป็นกำแพงกั้นขวางระหว่างเค้ากับฉันที่จะได้ทำความรู้จักกัน 


นกแว่นตาขาวสีทอง (Oriental White-eyes)

ก็คงมีความหนาของเจ้าเต็นท์ที่เพื่อนมนุษย์ของฉันเรียกมันว่า บลายด์ (Blind) เท่านั้นที่ทำให้เค้าเห็นหน้าของฉันไม่ชัดนัก แต่ไม่เป็นไรและฉันก็ว่าดี เค้าจะได้ไม่นึกว่าฉันจะนำอันตรายมาสู่เค้า และพาลหนีฉันไป ก็มีแต่เพียงเสียงชัตเตอร์จากกล้องของฉันเท่านั้น ที่เหมือนจะทำให้เค้ารำคาญใจ แต่ทำไงได้...ฉันจะรบกวนพวกเค้าให้น้อยที่สุดเท่าที่ฉันจะสามารถทำได้ (ก็ได้แต่บอกกับตัวเอง) .... แต่ที่ฉันว่าคุ้มเพราะก่อนที่ฉันจะบอกลาเพืื่อนตัวน้อยสีทองของฉัน ก็มีเพื่อนใหม่ตามมาสมทบ


นกเขนสีฟ้าหางขาว (White-tailed Robin) ตัวเมีย

ฉันได้บันทึกภาพเจ้าตัวเมียก่อน จริงๆเค้ามาเป็นคู่ เจ้าตัวผู้ยังคงไม่ไว้ใจฉันนักที่จะเข้ามาใกล้ๆ แต่เจ้าตัวเมียเหมือนจะอุ่นใจที่มีเจ้าตัวผู้คอยระวังภัยให้อยู่ไม่ไกลนัก ถ้าฉันทำอะไรกระโตกกระตากในตอนที่พวกเค้าเพิ่งจะมาถึงพวกเค้าคงต้องบินหนีฉันไปแน่ๆ ฉันทำตัวสงบนิ่งอยู่ซักระยะเวลาสั้นๆจนแน่ใจว่าพวกเค้าไม่รู้สึกระแวงเจ้าบลายด์ของฉันมากนัก ฉันจึงแค่ๆเริ่มบันทึกภาพพวกเค้า...


นกเขนสีฟ้าหางขาว (White-tailed Robin) ตัวผู้

เจ้าเพื่อนๆของฉันที่เป็นตัวผู้มักจะมีสัญชาตญาณการระวังภัยที่รุนแรง และรวดเร็วน้อยกว่าเจ้าตัวเมีย อันนี้ฉันรู้สึกเอง แต่ก็ไม่รู้จะจริงรึเปล่า อาจจะเป็นเพราะความเป็นตัวผู้้ต้องคอยแย่งชิง แข่งขันกับเจ้าตัวผู้อื่นๆก็อาจจะทำให้มีความกล้าหาญกระมัง เลยไม่ค่อยกล้วและไม่เกรงฉันนัก เค้าเข้ามาใกล้กับบลายด์ที่ฉันแอบอยู่ ดูแววตาเค้าสิ น่ากลัวมั้ย...ฉันคุ้มจริงๆวันนี้ จริงๆไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก แต่ทำยังไงได้ฉันวางแผนที่จะขึ้นมาหาพวกเค้าตั้งเป็นเดือน ถึงเวลาพักแต่กลับไม่สบาย
แต่ก็นั่นล่ะอย่างน้อย ฉันมายืนอยู่บนที่ที่มีอากาศสดชื่น ลมเย็นๆ อากาศเย็น มันคงทำให้ฉันดีขึ้นก็ได้ ฉันคิด และฉันก็ไม่เสียเที่ยวจริงๆฉันได้เจอกับเพื่อนๆใหม่ของฉันด้วย แล้วฉันจะกลับมาเล่าให้ผู้ติดตามฉันได้อ่านกันอีก

ฉันเอง.... I'm standing in the world.
I like to see the world but the world don't need to see me.

ขอขอบคุณ :
Nissan Navara เพื่อนที่แสนดี, พี่บอย, คุณโอ๋, คุณแอร์ จากเชียงใหม่ ที่คอยสนับสนุนเป็นกำลังใจและแนะนำเพื่อนใหม่ให้, เพื่อนใหม่ทุกๆตัว ที่ทำให้ฉันได้เริ่มคิดทำอะไรใหม่ๆ และเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ระหว่างที่ฉันเดินทาง อยากบอกว่ามันทำให้ฉันเข้าใจอะไรๆมากขึ้น และเป็นแรงผลักดันให้ฉันเริ่มก้าวออกมาจากจุดที่ฉันเคยยืน....แต่ความมีจิตสำนึกของฉันยังเหมือนเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น