วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อยุธยา...สร้างแรงบันดาลใจเสมอ : Ayutthaya always inspiring me.

ระยะทางเพียงไม่ถึงร้อยกิโลเมตร สำหรับคนไทยอย่างเราๆคงไม่เกิดความรู้ว่าไกลเกินที่จะเดินทางไป เวลาวันเสาร์หรืออาทิตย์ก็เกินพอที่จะใช้สำหรับท่องเที่ยวชมโบราณสถาน ไหวัพระ 9 วัด ไปหาอาหารอร่อยรับประทาน หรือเพียงค่าเวลาในวันหยุดให้หมดไปอย่างคุ้มค่า....แต่สำหรับฉันในวันนั้น ฉันมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างไปจากเดิม อยุธยาของฉันในวันนั้นไม่ได้เป็นเพียงการไปเที่ยว ถ่ายรูปโบราณสถาน วัดวาอาราม ในวันที่สภาพอากาศเปลี่ยนไปจากที่ฉันเคยบันทึกภาพไว้ก่อนหน้าเท่านั้น วันนั้นฉันมุ่งหน้าไปอยุธยาเพื่อตามหาเพื่อนตัวใหม่ของฉันอีกชนิดหนึ่ง จริงๆฉันเคยเห็นญาติพี่น้องของพวกเค้ามาบ้างแล้ว แต่ญาติๆของเค้าแต่งตัวแตกต่างไปจากเพื่อนใหม่ของฉัน วันนั้นฉันไปตามหาเพื่อนใหม่ที่แต่งตัวสีเขียว หัวของพวกเค้าก็เขียว จะมีเพียงคอของพวกเค้าเท่านั้นที่ใส่สร้อยเส้นใหญ่สีส้ม และชุดของพวกยาวที่ปลายมีสีฟ้าสวยงาม 





นกจาบคาหัวเขียว (Blue-tailed Bee-eater)

ฉันขับรถออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่ท้องฟ้ายังมืดสนิท ที่ฉันต้องรีบขนาดนั้นเพราะแสงตอนเช้านั้นอ่อนนุ่ม การบันทึกภาพพวกเพื่อนๆใหม่ของฉันคงจะได้ภาพออกมาสวยงามทีเดียว(ฉันว่าอย่างงั้น) ฉันขับรถมุ่งสุดปลายทางด่วนบางปะอิน ก่อนจะเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางบางปะหัน ขับตรงไปไม่นานนักก็เลี้ยวซ้ายไปทางเดียวกับถนนที่มุ่งสู่อ.บางบาล แต่ไม่ได้ไปทางนั้น เพราะฉันได้ข่าวว่าพวกเพื่อนๆใหม่ของฉันกำลังรอฉันอยู่ที่ข้างถนนอีกเส้นหนึ่ง ฉันมุ่งตรงไปทันที...
ท้องฟ้าตอนนี้เริ่มเห็นแสงแรกของวันนั้นแล้ว และฉันก็เกือบจะถึงจุดหมายของฉันแล้วเช่นกัน ระหว่างขับรถฉันก็นึกไปต่างๆนา ถึงเพื่อนๆใหม่ของฉันว่าพวกเค้ายังอยู่รึเปล่า จะยังหากินอยู่บริเวณที่ฉันได้ข่าวมาหรือไม่...อีกใจก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเพราะฉันเคยเห็นเพียงรูปวาดของพวกเค้าในหนังสือคู่มือดูนกเท่านั้น ยังไม่เคยเห็นตัวจริงๆของพวกเค้าเลย....ใช้ฉันเวลาอีกไม่นานก็มาถึงจุดนัดหมายกับพวกเค้า(ฉันแอบนัดเองคนเดียว เพราะพวกเค้าไม่รู้หรอกว่าฉันกำลังมา) การหาพวกเค้าไม่ยากนักเพราะพวกเค้ามักจะบินชวัดชเวียนอยู่บนอากาศคอยจับแมลงที่บินผ่านไปมาเป็นอาหารโดยเฉพาะผึ้ง...ดูชื่อภาษาอังกฤษของพวกเค้าก็น่าที่จะเข้าใจได้ว่าพวกเพื่อนๆใหม่ของฉันต้องชอบกินผึ้งเป็นอาหารแน่ๆ...



นกจาบคาหัวเขียว (Blue-tailed Bee-eater)
  
เช้าวันนั้นอากาศดีมาก แสงแดดที่ฉันคาดว่าจะอ่อนนุ่มกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ร้อนแรง แผดเผา ร้อนขึ้นและร้อนขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ยังดีที่ลมโชยมาเป็นระยะให้ได้พักคลายร้อนบ้าง...ฉันเลือกทำเลที่ตั้งเต็นท์บางๆของฉันเพื่อให้รบกวนเพื่อนใหม่ของฉันน้อยที่สุด เพราะพวกเค้ากำลังเลี้ยงลูกอ่อนอยู่ ฉันว่าจะบันทึกภาพพวกเค้าซักระยะเวลาสั้นๆ แล้วฉันก็จะรีบหนีไปให้ไกลไม่อยากรบกวนพวกเค้านานๆ....
ระหว่างที่ฉันบันทึกภาพของพวกเค้านั้นก็จะได้ยินเสียงพวกเค้าโฉบขึ้นไปบนอากาศเพื่อจับแมลง เสียงดังฉับ ฉับ ที่ที่ฉันแวะมาเยี่ยมพวกเค้านั้น มีแมลงหลากหลายชนิด ที่ฉันบอกอย่างนั้นไม่ใช่เพราะฉันเห็นแมลงพวกนั้นหรอก แต่เพื่อนใหม่ของฉันพวกเค้าจับมาอวดฉันต่างหาก (เราไม่ได้คุยอะไรกัน เพราะปากของพวกเค้าไม่ว่างเลย) พวกเค้าหายไปจากกิ่งที่พวกเกาะไม่นานก็จะกลับลงมาจากท้องฟ้า มาที่กิ่งไม้ที่พวกเค้าเกาะประจำ พร้อมกับแมลงในปากของพวกเค้า...และนั่นแหละที่ทำให้ฉันเห็นว่าไม่ได้มีเพียงผึ้งเท่านั้นในบริเวณนั้นยังมีแมลงอื่นๆที่สามารถเป็นอาหารเพื่อเลี้ยงดูลูกๆและตัวพวกเค้าเองได้ โดยเฉพาะลูกๆของพวกเค้า ตอนนั้นต้องการโปรตีนมากที่สุดเพื่อสร้างเสริมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเริ่มฝึกบิน และจากรังของพวกเค้าไปในที่สุด...



นกจาบคาหัวเขียว (Blue-tailed Bee-eater)

แต่อย่าถามฉ้นเลยว่าลูกของพวกเค้าตัวใหญ่ขนาดเพื่อนๆของฉันมั้ย ฉันไม่รู้หรอกเพราะฉันจะไม่มีวันเข้าไปใกล้รังของพวกเค้าเด็ดขาด...รังของพวกเค้าเป็นรูที่อยู่บนเนินเดิน มีทางเดียวที่จะเห็นลูกๆของพวกเค้าได้ก็คือต้องเข้าไปที่รังแล้วต้องล้วงมือเข้าไปจับลูกๆของพวกเค้าออกมาดู แต่ก็อย่างที่บอกฉันไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด เท่าที่ฉันทำไม่ก็เป็นการรบกวนพวกเค้ามากเกินไปแล้ว....





นกจาบคาหัวเขียว (Blue-tailed Bee-eater)

ฉันเคยได้ยินมาว่ามีคนบางพวกที่เข้าไปบันทึกภาพบริเวณหน้ารัง ได้ภาพของพ่อ-แม่นก ยังไม่หนำใจกลับเดินเข้าไปที่รังและหยิบโทรศัพท์ iphone มาบันทึกภาพรังนกให้แจ่มๆ แบบจะจะ และอัพลง social network ประจันตัวเองผ่านระบบสื่อสารไร้สายไปในทันที แล้วเดินจากรังนกที่โดน iphone กระหนำ่บันทึกภาพเมื่อครู่ ไปบอกเพื่อนร่วมโลกกับเค้าอีกคนหนึ่งว่า I Love Nature!!!! หากฉ้นยืนอยู่ตรงนั้น ฉันคงจะตะโกนกรอกหูกลับไปเลยว่า Yes! you love the nature but you don't know how to save and take care the nature! (so poor me to living in the same world with this kind of people) คนประเภทนี้ต้องการการทำความเข้าใจอย่างจริงๆจัง จากเพื่อนร่วมโลกที่จริงใจ.... 



นกจาบคาหัวเขียว (Blue-tailed Bee-eater)

หากเจ้าเพื่อนของฉันในรูปข้างบนพูดได้เค้าก็คง จะตัดพ้อต่อว่ากลับไปที่เจ้าคนประเภทนั้น มากกว่าฉันหลายร้อยเท่าเพราะพวกเพื่อนๆของฉันเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง ฉันเองนี่สิกลับละอายแทน บางคนคิดว่าการกระทำในที่ลับๆ มีคนเห็นเพียงไม่กี่คนคงจะไม่เป็นไร แต่ชีวิตในธรรมชาติซับซ้อนกว่านั้นมาก แค่เพียงหากฉันเดินเข้าไปที่รังของพวกเค้าเพียงไม่กี่เสี่ยววินาที อาจนำความหายนะอันใหญ่หลวงมาสู่บ้านของพวกเค้า และที่สำคัญลูกของพวกเค้า เพราะลูกของพวกเค้าจะไม่มีโอกาสในการปกป้องตัวเองเลย...... ในโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงเพื่อนๆของฉันที่เป็นผู้ล่า ยังมีผู้ล่าอยู่ในห่วงโซ่อาหารอีกหลายร้อยชนิด กลิ่นที่ติดตัวฉันจะเป็นเสียงเรียก และเป็นตัวตัวชี้เป้าให้กับสัตว์ผู้ล่าอื่นๆได้ดีทีเดียว ถ้าเป็นอย่างนั้น ลูกน้อยในรังทั้งหมดก็คงไม่ได้ออกมาฝึกบินเป็นแน่.....



นกจาบคาหัวเขียว (Blue-tailed Bee-eater)

วันนั้นฉันใช้เวลาอยู่ไม่นานนักสำหรับการบันทึกภาพพวกเค้าได้เห็นพวกเค้ามีชีวิตที่อิสระฉันเองก็มีความสุข และก็ดุว่าพวกเค้าก็มีความสุขด้วย พวกเค้าไม่ได้อาศัยอยู่ที่ที่ฉันไปหาพวกเค้าเป็นประจำ พวกเค้าจะแวะเวียนมาปีละไม่กี่เดือนเท่านั้น เค้ามาเพื่อการจับคุ่ ผสมพันธ์ุ และหอบลูกน้อยกลับบ้านของพวกเค้า ฉันไม่รู้หรอกว่าบ้านจริงๆของพวกเค้าอยู่ที่ไหน แต่ฉันรู้ว่าพวกเค้าจะกลับมาที่นี่ ที่ที่ฉันมาพบพวกเค้า มาทำความรู้จักกับพวกเค้าในวันนั้น (หากไม่มีสัญญานอันตรายใดๆที่ทำให้พวกเค้าจำใจต้องละทิ้งสถานที่แห่งนั้นไป) แล้วฉันจะรอการกลับมาของพวกเค้าอีกในปีหน้า....


นกจาบคาหัวเขียว (Blue-tailed Bee-eater)

ฉันหวังว่าพวกเค้าจะกลับมา มาเริ่มต้นวงจรชีวิตของพวกเค้า แล้วฉันก็จะได้แวะมาเยี่ยมเยียนพวกเค้าใหม่  ถึงแม้ก่อนจากพวกเค้ามาในวันนั้นมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่แถวนั้น แวะมาคุยกับฉัน มาเล่าให้ฉันฟังว่ามีการล้วงรังของพวกเค้าบางรังเพื่อจับลูกน้อยของพวกเค้าไปใส่กรงเพื่อเอาไว้ดูเล่น...แต่พี่ผู้หญิงคนนั้นก็บอกกับฉันว่าลูกน้อยที่โดนล้วงรังจับไป ก็ไม่รอดชีวิตในที่สุด ก็ใช่สิ(ฉันคิด)เมื่อเอาสิ่งธรรมชาติ ไปเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมชาติ โดยไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริงคงเป็นเรื่องยาก....วันนั้นฉันจบบทสนทนากับพี่ผู้หญิงคนนั้นไปด้วยคำพูดที่ว่า " ฉันชอบที่จะเฝ้าดูพวกเค้าตอนที่พวกเค้าอยู่ในธรรมชาติมากกว่า " และฉันก็ไม่อาดเอื้อมไปบอกพี่ผู้หญิงให้หยุดการกระทำของเค้าได้ ฉันคงไม่อาจทำได้ ส่วนหนึ่งก็คงต้องปล่อยให้วงจร หรือห่วงโซ่อาหารทำงานของมันไปตามธรรมชาติ.....แล้วฉันก็หันไปมองดูเพื่อนๆใหม่ของฉันซึ่งตอนนี้ไม่ใช่เพื่อนใหม่ซะแล้ว ก่อนที่จากลากันในวันนั้น.......แล้วเจอกันใหม่เพื่อนหัวเขียวของฉัน


ฉันเอง.... I'm standing in the world.
I like to see the world but the world don't need to see me.



ขอบคุณ :
Nissan Navara เพื่อนที่แสนดี, ข่าวสารการมาถึงของเพื่อนๆใหม่ของฉัน ซึ่งมีเพื่อนหลายท่านได้บอกให้ฟ้งอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ฉันจะตัดสินใจเดินทางไปหาพวกเค้าในวันนั้น, ผู้ติดตาม (ถ้ามี) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น